ไฟตัดหมอก

ไม่นานมานี้ที่ประเทศอังกฤษได้มีการวิจัยที่น่าสนใจของบริษัท ประกันภัยแดนผู้ดีที่ชื่อว่า Swift Cover ที่มุ่งศึกษาประเด็นดังกล่าวในหัวข้อ "Reckless fog light Driver" โดยเน้นในการศึกษาเกี่ยวกับผู้ขับขี่ที่เปิดไฟตัดหมอกเป็นประจำบนถนน โดยจากการวิจัยพบว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามีอุบัติเหตุกว่า 300,000 ครั้ง ในอังกฤษที่อาจจะมีสาเหตุมาจากไฟตัดหมอก และผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อยส่วนใหญ่ มักจะบอกว่า "มันดูเท่ห์" กว่าบนถนน
จากการศึกษาในกรุงลอนดอนพบว่า อุบัติเหตุกว่าครึ่งได้รับการระบุว่า รถคู่กรณีนั้นมักจะใช้ไฟตัดหมอกนอกสภาวะการณ์ที่เหมาะสม ในขณะที่ swift cover เองก็พบว่า ผู้ใช้รถกว่า 21 % เปิดใช้ไฟตัดหมอกไม่ถูกต้อง โดยผู้ขับส่วนใหญ่มักให้เหตุผลว่า ไฟหน้าของพวกเขาส่องสว่างไม่เพียงพอ รวมถึงช่วยเพิ่มระยะการมองเห็นเมื่อกระทบกันเส้นไฟจราจร และไฟตัดหมอกยังช่วยลดการจี้ตูดด้วย
แม้บางเหตุผลอาจจะพอที่จะเข้าใจได้แต่จากการวิจัยนี้พบว่า 14% ของผู้ที่เปิดไฟตัดหมอกเอาไว้ ให้เหตุผลว่า มันช่วยให้รถดูดียามขับขี่ โดยผู้ที่ตอบด้วยเหตุผลนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ขับขี่ที่มีอายุระหว่าง 18 -34 ปี และมีเพียง 3% ที่มีอายุระหว่าง 35-54 ปี ที่กล่าวถึงเรื่อง "ไฟตัดหมอก" ด้วยเหตุผลเดียวกัน
ด้านนาย โรบิน รีเมส หัวหน้าฝ่ายเคลมค่าสินไหมของ Swift cover เปิดเผยว่า ความคิดของวัยรุ่นที่คิดว่าการเปิดไฟตัดหมอกนั้นเท่ห์ อาจจะทำให้เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่คนอื่นได้ ไฟตัดหมอกถูกออกแบบมาให้ใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในบางสถานการณ์ ซึ่งการใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง จะทำให้แยงตาและรบกวนสมาธิผู้ใช้ถนนคนอื่น และนำไปสู่อุบัติเหตุ ซึ่งพิสูจน์ได้จาการวิจัยในครั้งนี้ และถ้ายังสามารถมองเห็นได้ในระยะที่มากกว่า 100 เมตร ไฟตัดหมอกก็ควรจะถูกปิดเสีย
แม้ไฟตัดหมอกจะดูไม่อันตรายมาก แต่การออกแบบให้มันมีความสามารถทะลุทะลวงอุปสรรคด้วยการกระจายแสงในแนวนอน ก็ทำให้มันอาจจะเป็นอันตรายได้เช่นกัน ซึ่งตามปกติแล้ว เราอยากแนะนำว่า การเปิดไฟตัดหมอกที่ถูกต้องนั้น ควรใช้ในสถานการณที่มีฝนตก,หมอกลงหน้าจัด ตลอดจน สภาวะฝุ่นหรือควัน และรวมถึงการขับขี่ฝ่าสภาวะหิมะตก ซึ่งแม้ไฟตัดหมอกอาจจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ ในความคิดหลายๆคน แต่การคิดถึงเพื่อนร่วมถนน ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน...