OLED TV คืออะไรเเละดีกว่า led tv เเละ lcd tv ยังไง
oled tv ก็คือ เทคโนโลยี่ รูปเเบบใหม่ที่จะมาเเทนที่ led tv ที่ตอนนี้กำลัง เริ่มทำตลาดไปบ้างเเล้วครับ จุดเด่นของ oled เนี่ย คือความบางของ ตัวจอภาพที่บางขนาดเรียกได้ว่า ยืดยุ่นได้เลยครับ ถามว่าบาง ขนาดไหน เท่าที่ รู้มานะครับ ก็ประมาณ กระดาษ a4 วางทับกันซัก 20 ใบอะครับ สำหรับ จอภาพ oled เเถมยังม้วนได้อีกต่างหาก สำหรับ บางรุ่นที่ให้โค้งงอได้หนะครับ เเถมตัวภาพยังมีความคมชัดกว่าจอ led ที่ถือได้ว่า ชัดโคตร ๆ ตอนนี้อีกครับ บทความเรื่องจอ oled ครับ
โตชิบาและมัตสึชิตะอิเล็กทริกอินดรัสเทรียล ควงแขนประกาศแผนเริ่มจำหน่ายหน้าจอโทรทัศน์โอแอลอีดี (OLED) ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยจะวางจำหน่ายในนามบริษัทร่วมทุนระหว่างทั้งสอง พุ่งเป้าเขย่าบัลลังก์ทีวีแอลซีดีและพลาสม่าทีวีที่มีมูลค่าตลาดมหาศาลกว่า 3.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.15 ล้านล้านบาท

บริษัทร่วมทุนระหว่างโตชิบาและมัตสึชิตะนั้นใช้ชื่อว่าบริษัท โตชิบามัตสึชิตะดิสเพลย์เทคโนโลยี (Toshiba Matsushita Display Technology) สัดส่วนการถือหุ้นคือโตชิบา 60 เปอร์เซ็นต์และมัตสึชิตะ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยประชาสัมพันธ์ของบริษัทให้ข้อมูลว่า การเริ่มต้นทำตลาดผลิตภัณฑ์ทีวีโอแอลอีดีจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่าง
กองทัพจอทีวีโอแอลอีดีรุ่นต้นแบบที่โซนี่นำมาแสดงในงาน CES 2007 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทร่วมทุนระหว่างโตชิบาและมัตสึชิตะประกาศจะส่งผลิตภัณฑ์ทีวีโอ แอลอีดีออกวางจำหน่ายในปี 2009
จุดเด่นของหน้าจอเทคโนโลยีโอแอลอีดี (organic light emitting diode) คือ การพัฒนาให้หน้าจอมีขนาดเล็กและบางเบา ความสามารถในการประหยัดพลังงาน และความสามารถในการแสดงผลที่เยี่ยมยอด
โอแอลอีดีนั้นทำงานบนฟิล์มขนาดนาโนเมตรทำให้สามารถลดขนาดลงเทียบเท่าระดับ เส้นผม สามารถพัฒนาเป็นอุปกรณ์โค้งงอได้ ในขณะที่จอซีอาร์ที (CRT) แบบเก่านั้นต้องการพื้นที่ด้านหลังที่เพิ่มขึ้นตามขนาดของหน้าจอ ส่วนหน้าจอพลาสมา (Plasma) นั้นไม่สามารถทำให้บางได้เนื่องจากต้องมีช่องบรรจุก๊าซเฉื่อยเพื่อสร้าง พลาสมา
ในแง่ของหลักการทำงาน โอแอลอีดีอาศัยการเปล่งแสงจากตัววัสดุโดยตรงต่างจากเทคโนโลยีอื่น ซีอาร์ทีอาศัยการเรืองแสงจากลำอิเล็กตรอนที่วิ่งมาตกกระทบที่จอภาพซึ่ง เคลือบสารเรืองแสงไว้ ส่วนจอพลาสมาอาศัยการเรืองแสงของสารเคลือบจากการตกกระทบของแสงอัลตร้าไวโอ เล็ต (UV) ที่เกิดขึ้นจากพลาสมา ในขณะที่แอลซีดี (LCD) นั้นต้องใช้แสงจากฉากหลัง จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้จอแอลซีดีด้อยกว่าโอแอลอีดีแม้จะมีประสิทธิภาพในการ ใช้พลังงานที่เท่าเทียมกัน ความบางเฉียบของหน้าจอโอแอลอีดี (ขอบคุณภาพจากสำนักข่าวซีเน็ต)
จุดแตกต่างอีกจุดหนึ่งคือ โอแอลอีดีจะไม่มีปัญหาเรื่องมุมมองของภาพเหมือนเทคโนโลยีแอลซีดี ผู้ใช้จะสามารถมองเห็นภาพได้ 180 องศา
คุณสมบัติเพียบพร้อมเหล่านี้ไม่ได้มีแต่โตชิบาและมัตสึชิตะเท่านั้นที่ให้ ความสนใจทำตลาดโอแอลอีดีในฐานะจอโทรทัศน์ ล่าสุดโซนี่ (Sony) ยักษ์ใหญ่สัญชาติเดียวกันก็เปิดตัวโทรทัศน์โอแอลอีดีรุ่นต้นแบบแล้ว คาดว่าในอนาคตจะมีผู้สนใจลงเล่นในตลาดนี้ตามมาอีกมากมาย
บริษัทวิจัยตลาดดิสเพลย์เสิร์ช (DisplaySearch) คาดการณ์แนวโน้มโทรทัศน์คุณภาพสูงในปี 2007 ไว้ว่า ตลาดโทรทัศน์แอลซีดีจะมีมูลค่าตลาดรวมราว 2.74 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 9.04 แสนล้านบาท) ขณะที่ตลาดพลาสม่าทีวีจะมีมูลค่าตลาดที่ต่ำกว่าราว 7.5 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 2.47 แสนล้านบาท)
เป็นไงครับ อยากได้กันเเล้วละซิครับ ส่วนตัวตอนนี้ผมยังเอื้อมไม่ถึงจอ led tv 3d เลย ครับ คาดว่าอีกนานกว่า พวก sony sumsung จะเปิดตัวกันหนะครับ เพราะ ตอนนี้เล่น led tv 3 d กันสนุกเลย
"ความเทพ" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวง LED TV อีกต่อไปสำหรับวงการทีวี เมื่อ LG เปิดตัวและจัดจำหน่าย OLED TV อย่างเป็นทางการในเกาหลีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 ที่ผ่านมา บางท่านอาจะจะสงสัยว่า OLED TV คืออะไร OLED ย่อมาจาก Organic Light Emitting Diode เทคโนโลยี TV ล่าสุดในตอนนี้ โดยจุดเด่นก็คือเม็ดพิกเซลสามารถให้สีและแสงสว่างเองได้คล้าย Plasma TV ครับ จึงมีความสามารถในการทำ Individual Pixel Dimming ซึ่งสามารถคอนโทรลระดับความสว่างของเม็ดพิกเซลได้แบบพิกเซลต่อพิกเซลเลยครับ
ในขณะที่ LED TV แบบ EDGE จะไม่สามารถทำได้ อย่าง Samsung LED TV ก็จะใช้ Light Guide Plate ช่วยในการให้แสงสว่างทั่วจอ หรือ Philips PFL9703 Full LED TV ถึงแม้จะมีหลอด LED เต็มด้านหลังของจอ จึงสามารถคอนโทรล Backlight เป็นกลุ่มๆหรือทำ Local Dimming ได้ แต่อย่างไรก็ตาม Local Dimming สามารถควบคุม Backlight เป็น "กลุ่ม" หรือเป็น "บล็อค" เท่านั้น ในขณะที่ OLED TV ควบคุมได้แบบ "พิกเซลต่อพิกเซล" ครับ
โดย OLED TV ไม่จำเป็นต้องใช้หลอด Backlight เฉกเช่น LCD TV จึงหมดปัญหาเรื่อง Backlight Leakage หรืออาการ Backlight รั่ว ไปได้เลย
ดังนี้จุดเด่นของ OLED TV เมื่อเทียบกับ TV ทั่วไปก็คือ
1. ระดับ Contrast ที่ดีกว่า
2. มุมมองภาพเกือบ 180 องศา
3. สีสันดีกว่า
4. มีขนาดที่บางกว่าเพราะไม่ต้องใช้ Backlight
5. ประหยัดไฟกว่า
ก่อนจะเริ่มรีวิวขอสรุปความเป็นไปเป็นมาของ OLED TV ก่อนครับ
- ในปี 2007 Sony เปิดตัว Sony XEL1 OLED TV 11" ตัวแรกของโลก ราคาประมาณ $2,500
- ในปี 2009 เดือนมิถุนายน Samsung เปิดตัว OLED TV ต้นแบบขนาด 14.1" และ 31"
- ในปี 2009 เดือนพฤศจิกายน LG เปิดตัว OLED TV ขนาด 15" และเริ่มจัดจะหน่าย
- ในปี 2010 เดือนมกราคาคม Sony ดปิดตัว 3D OLED TV 24.5"
มาดูสเป็คคร่าวๆของ OLED TV 15" ของ LG กันก่อน

กล่องดูดีมีชาติตระกูลเฉกเช่นพวกกล่องมือถือราคาแพง !!!

ออกมาแล้วครับเรียบหรู สีดำสแตนเลส วัสดุที่ใช้ดีมาก

จอเป็นจอกระจกครับ สะท้อนเอาการเมื่อเจอแสงสาดใส่

ที่เทพจัด !!! ก็คือ "ความบาง" เพียง 1.7 มิลลิเมตร เป็นทีวีที่บางที่สุดเท่าที่เคยเห็น

บางกว่า "สันกล่อง" แผ่นบลูเรย์แบบเห็นได้ชัด

ด้านหลังเป็นแกนขาพับ เอาไว้ตั้งและสามารถปรับองศาได้

ในหว่างกลางขาตั้ง มีลำโพงติดตั้งอยู่ครับ


ด้านข้างเป็นช่องต่อครับ มี HDMI แบบ Mini Connector และ ช่องต่อ USB

จ๊าบอีกจุด !!! ก็คือสามารถต่อ External HardDisk ได้
ข้อดี
1. ภาพสีสันสดใส สีดำดำสนิท
2. มุมมองภาพสุดยอด มองเฉียงได้เกือบ 180 องศา
3. บางเฉียบแบบได้ใจวัยรุ่น
4. สีดำก็ดำสนิท ไม่มี Backlight รั่วเหมือน LCD TV
ข้อเสีย
1. เงาสะท้อนมีมากพอสมควร
2. อาการดำจมยังมีให้เห็นในหลายฉากที่เป็นฉากมืด
3. ซับไตเติ้ลของ USB ที่อุตส่าห์เล่นไฟล์หนังไฮเดฟได้ยัง "มึนๆ" ตามภาพด้านบนอยู่
ทิ้งท้ายด้วยวิวัฒนาการ TV ที่ผมขอฟันธงให้เพื่อนๆได้รับทราบนะครับ
อดีต: CRT TV จอโค้ง -> CRT TV จอแบน -> CRT TV แบบ Slim
ปัจจุบัน: Plasma TV -> LCD TV -> LED TV ->
อนาคต: 3D LED TV -> OLED TV -> 3D OLED TV
3D OLED TV ทีวีตัวนี้มีชื่อว่า 3D OLED TV ขนาด 55" ใช้เทคโนโลยี 4-Color Pixels และ Color Refiner ช่วยให้สีสันเป็นธรรมชาติ แถมการแสดงภาพยังทำได้เร็วกว่าทีวีจอ LCD ถึง 1,000 เท่า ในชื่อมันมีคำว่า 3D ดังนั้นเลี่ยงจะมี 3D ไม่พ้น โดยใช้แว่นแบบ Film Patterned Retarder (FPR) ที่ไม่ต้องชาร์จ ไม่ต้องใส่ถ่าน และราคาถูกกว่าแว่นแบบ active shutter ที่แพร่หลายในปีที่แล้ว
