เขียนหัวข้อใหม่
 แสดงความคิดเห็น

“เจ้าสามีราโม”

| หัวข้อในหมวดเดียวกัน | bt-50
ตั้ม101 (ตั้ม)
# โพสเมื่อ 12 ธ.ค. 2555
© เนื้อหานี้ ผู้โพสคัดลอกมา และแต่งเติมเองบางส่วน ® ตอบได้เฉพาะสมาชิก
เข้าชม 4710 (1 ต่อวัน) ตอบ 4 ถูกใจ ถูกใจ 2

“เจ้าสามีราโม”

คลับ BT-50-Ranger-“เจ้าสามีราโม”-1

หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ตามทัศนะ อาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ

โหรแห่งกรุงรัตน์โกสินทร์

ดวงชะตาของเทพเจ้าแห่งภาคใต้ "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"

ตามพื้นชะตาราศีในทางโหราศาสตร์นั้น ท่านมีชะตากำเนิดวันศุกร์ เดือน ๔ ปีมะโรง พุทธศักราช ๒๑๒๕

หากวิเคราะห์กันตามหลักของการกำเนิดนั้น วันศุกร์มีดาวศุกร์เป็นดาวประจำตัว ประจำตน ดาวศุกร์นั้นตามหลักเทวกำเนิดสร้างจากคนธรรพ์หรือพิทยาธรผู้มีฤทธิ์ทั้งหมด ๒๑ องค์ พระศิวะเทพอัมพาพรเป็นผงห่อด้วยผ้าสีฟ้ากำเนิดออกมาเป็นเทพพระศุกร์พระศุกร์ จึงมีอิทธิพลให้คนที่เกิดวันศุกร์คือให้เป็นคนรักดนตรีรักศิลปะ ทำให้คนที่อยู่ใกล้มีความสุข

นี่จะเป็นเหตุหนึ่งกระมังไม่ว่าจะอยู่ในสมณเพศหลวงปู่ทวดก็สร้างความสุขให้ แก่ปวงชนชาวไทย หรือคนที่เคารพศรัทธาท่านให้มีความสุขความเจริญ เปรียบประดุจเทพพระศุกร์ เป็นเทพที่เข้าใจในจิตใจและวิญญาณด้วยวิถีของความเป็นมนุษย์ ตามหลักของการกำเนิดนั้นพระอาทิตย์อยู่ในพื้นชะตากำเนิดราศีมีนซึ่งเป็นราศี ปลายธาตุน้ำ อยู่ในเรือนธาตุน้ำในพื้นชะตากำเนิดมีพระอาทิตย์กุมลัคนา พระอาทิตย์เป็นอายุก็แสดงว่าท่านนั้นดูหน้าตาสูงวัยก็เห็นจะจริง เพราะว่าพิจารณาจากคนเกิดวันศุกร์พระอาทิตย์เป็นอายุกุมจุดเกิดนั้นแปลว่า แก่กว่าวัย....ถ้าพิจารณาจากรูปหน้าขององค์หลวงปู่ทวดเองก็จะชี้ชัดได้ว่า ท่านแก่หรือสูงวัย เป็นผู้คงแก่เรียน

พฤหัสบดี กุมลัคนาได้ตำแหน่งเกษตร แปลว่าเป็นดาวตัวแทนหรือองค์แห่งความรู้ ปกติดาวพฤหัสบดีกุมลัคนาผู้ใดนั้นจะมีเกณฑ์ได้กมุทเกณฑ์ มีหลักทางโหรศาสตร์กล่าวไว้ว่าเอกราศีครุลัคนัง อันว่าพฤหัสบดีอยู่ได้ด้วยลัคนาผู้ใด กมุทเกณฑ์ธังสุขังชีเว ท่านกล่าวว่าชะตาผู้นั้นเป็นเกณฑ์สมุทเกณฑ์ อุปมาดังดอกอุบลหรือดอกบัวมีกลิ่นหอมหวนให้สุขแก่ผู้นั้น ราชาโกติสะ สัตตะสหสานิ อันว่าพระยาในโลกนี้ได้แขวนโกศพระองค์ใดก็ดี จักกะวัตติปะทานนัง ย่อมมีพระยาจักรพรรดิ์กษัตราธิราชเป็นประธาน ลัคนาชีเวจะโสภะเน ครั้นแลมีพฤหัสบดีเป็นประธานแก่ลัคนาโทษมิอาจมาต้องได้เลยย่อมให้ดูเรืองแล แปลว่าลัคนาสถิตราศีพิจิกพฤหัสบดีอยู่ด้วยลัคนาเป็นกมุทเกณฑ์ก็สรรเสริญ ตามพระคัมภีร์ทางโหราศาสตร์ที่ได้กล่าวเป็นภาษาบาลีแล้วขยายความเอาไว้นั้น องค์แห่งความรู้ในพระเวทย์และองค์แห่งความรู้ในเรื่องขององค์ความรู้โดยที่ จะทำให้มนุษย์ดำรงอยู่ โดยหลักแห่งโลกียะและโลกุตตระ พฤหัสบดี นั้นกลุ่มลัคนาเป็นกลุ่มเกษตราธิบดีได้ตำแหน่งที่มั่นคง ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีทางโหราศาสตร์ ผู้ใดมีดวงลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าได้เกณฑ์ที่มั่นคงที่ดี อาทิตย์เป็นมิตรกับพฤหัสบดีกุมจุดเกิดได้ตำแหน่งคู่มิตรเป็นที่รักแก่ปวง มหาชน เพราะอาทิตย์เป็นมิตรกับครู ตลอดจนจะเห็นได้ว่าพระศุกร์กับพระพุธเป็นดาวคู่ธาตุน้ำ เป็นที่รักแก่ปวงชนหรือปวงมหาชน ในทางน้ำหรือประเทศในถิ่นทางน้ำที่ทางภาคใต้ก็เหมาะก็สมควรแก่พื้นแห่งดวง ชะตาของหลวงปู่เอง พระจันทร์โยกหน้านั้น พระจันทร์ถือว่าได้เป็นมุมแห่งปทุมเกณฑ์ พระจันทร์เป็น ๓ หรือเป็น ๑๑ แก่ลัคนานั้น จะเห็นได้ว่ามีลักษณะได้เช่นเดียว เพราะตามหลักโหราศาสตร์กล่าวเอาไว้ว่า ตติเยจะยทาศุกรา ในกาลใดพระศุกร์ เป็น ๓ แก่ลัคน์ จตุถัทโถครูพะวิสัตติ และมีพฤหัสบดีเป็น ๔ ลัคนา เอกะทัสสะ พระจันทร์เป็น ๑๑ ลัคนาหรือโยกหน้า เทวสัตนาประกาศิตาทิกะวะนี ชะตาผู้นั้นคือเทพยดาลงเกิดแล

เห็นได้ว่าดวงชะตาของหลวงปู่ทวดนั้นมีพระจันทร์โยกหน้ามีตำแหน่งเป็นมหาอุด ได้ตำแหน่งที่เด่นชัดเลย จะเห็นได้ว่าหลวงปู่ทวดไม่ว่าจะสร้างเป็นเครื่องขลังบูชาในยุคในสมัยใดก็ เป็นที่ยอมรับแก่ปวงมหาชนโดยทั่วไป เป็นที่เคารพและศรัทธาในเรื่องของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เป็นที่พึ่งพาแก่มนุษย์ซึ่งยังเวียนตายเกิดอยู่ในโลกียะ....

ช่วงหนึ่งอาจารย์ลักษณ์กล่าว

ทำไมต้องแขวนคอ? ทำไมจะต้องเอาเครื่องรางของขลังมาเป็นเรื่องสำคัญ?

คน จิตใจต้องละเอียดและเข้าใจในมุมกว้างๆ คนบางคนแค่มีพระอยู่ที่ใจ ระลึกถึงองค์พระก็เข้าใจในข้อธรรมของพระพุทธเจ้า แต่คนบางคนเขามีกรรมมาก อดีตกรรมบังเกิดในมีบุญน้อยกรรมมากเลยต้องเอาวัตถุเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจ แต่อย่างน้อยก็นำไปสู่การทำความดี การปฏิบัติดี แบบนี้จะว่ากันไม่ได้

พฤหัสเป็นมนตรีธรรมทักษากุมลัคนา เป็นที่รักของปวงมหาชนทุกองค์ความรู้ สุรีย์นั้นตามหลักของเทวกำเนิดนั้นสร้างจากเทพฤาษี เพราะฉะนั้นองค์พระสุรีย์เลยมีลักษณะของฤาษี คือมีความเป็นครูบาอาจารย์ ความเมตตา ฤาษีนั้นมีฤทธิ์ ฤาษีเป็นหมอยา เป็นหมอรักษา เป็นหมอมีฤทธิ์ในการเรื่องดิน ฟ้า ลม ฝน เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉะนั้น การที่พฤหัสบดีถูกสร้างจากฤาษี ๑๙ ตน จึงมีอิทธิพลหรือเป็นบุญวาสนาบารมีให้ใครก็ตามที่มีดาวพฤหัสบดีกุมลัคนา มีนิสัยเหมือนครูบาอาจารย์ นักบวช ผู้ทรงศีล ตลอดจนหมอผู้ให้ความรู้รักษาทางกาย รักษาทางใจแก่คนโดยทั่วไป และเป็นมนตรีธรรมรักษา

โดยมุมดวงชะตาของหลวงปู่ทวดนั้นจะแสดงว่า เป็นมุมที่ดีในทางโหราศาสตร์ที่ดีต้องกล่าวสรรเสริญไว้เป็นปฐม พฤหัสบดีเปนมุระแสดงว่าองค์จริงของหลวงปู่ท่านก็คงจะท้วมหน่อย เพราะมูระกุมจุดเกิด มูระกุมลัคนา อ้วนท้วม บริวารกุมลัคน์คือพระศุกร์ กุมลัคนาเป็นที่รักแก่คนทั่วไปมหาอุตมากมาย มหาอุต อยู่ราศีมีนของพระศุกร์นั้นมีตำแหน่งที่เข็มแข็ง เป็นเสน่ห์มีสง่า บุคคลที่มีบุญมีวาสนามักจะได้มีตำแหน่งเป็นมหาอุตคือทำกรรมในชาติภพก่อนไว้ มาก ชาตินี้เลยเป็นที่ศรัทธาหรือเป็นที่รักใคร่แก่ปวงมหาชนโดยทั่วไป พระจันทร์ก็เช่นเดียวกันเป็นมหาอุต เพราะฉะนั้นยังมีคุณอีกด้านหนึ่งนอกจากเมตตามหานิยมด้วยเสน่ห์แล้วก็คืออยู่ ยงคงกระพัน แคล้วคลาดจากภยันต์อันตรายต่างๆ ในเรื่องของอภินิหารตลอดจนบุญฤทธิ์ของท่านนั้นก็มีในเรื่องนี้

อังคารในเรือนพุธตรงไปตรงมาเที่ยงธรรม อังคารในดาวสงครามดาวแห่งอุบัติเหตุมีดาวเกตุคุ้มครองเคราะห์ร้ายภัยเวรจะ ไม่ปรากฎ เพราะมีเอาไว้คุ้มครอง ราหูเล็งกับพระอังคาร ดาวคู่ธาตุลม แสดงว่าในนิมิตแห่งการเคลื่อนที่ของหลวงปู่นั้นรวดเร็ว จิตระลึกถึงองค์ท่านก็มาอย่างฉับพลัน แปลว่าใครจะนึกจะบูชาซึ่งตามเรื่องที่ได้กล่าวมาแล้ว่า แม้ยังมีภาพเหมือนภาพกระดาษหรืออะไรก็ตามที่หลวงปู่ท่านวางไว้บูชา เอาไว้เก็บรักษาหรือแขวนคอก็เป็นมงคลสำหรับตัว

นี่แหละครับคือการอธิบายว่ามีอังคารเล็งราหูเป็นคู่ธาตุลม สัมพันธ์ถึงกันในดวงชะตาดีของหลวงปู่ทวด แล้วก็เลยเป็นอิทธิพลหนุนนำให้บารมีขององค์ท่านคุ้มครอง เพราะฉะนั้นตามหลักที่ได้อธิบายไว้ทั้งหมดนี้ อยากจะบอกกล่าวเล่าขานในมุมที่ต้องบอกเล่าเป็นแนวทางสำหรับมนุษย์ปุถุงชน ธรรมดาว่า การได้ครอบครองหรือบูชาหลวงปู่นั้นควรจะให้ความสำคัญ..

การได้ครอบครองหรือบูชาหลวงปู่นั้นควรให้ความสำคัญกับ

ประการแรก คือ ทำความดีแล้วระลึกถึงหลวงปู่ท่าน อุปสรรคที่ติดขัดในการทำความดีจะผ่านไปได้ทุกเรื่องทุกราว

ประการที่ ๒ คือ หลวงปู่นั้นชอบน้ำ สิ่งที่เย็นๆ การบูชาการให้ความเย็นความชุ่มช้ำใจ เป็น อโหสิกรรม ก็จะเป็นมงคล หากท่านมีไว้ครอบครองแล้ว ได้ปฏิบัติตัวตามนั้นคือทำเป็นคนใจเย็น อโหสิกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ดี หลวงปู่จะคุ้มครอง

ประการที่ ๓ คือ ท่านชอบความงดงาม ความเป็นระเบียบ ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นระเบียบอย่างเช่นระเบียบในการทำงาน จะได้รับบุญบารมีธรรมของท่านคุ้มครองตลอดไป

ประการที่ ๔ คือ อยู่กับศีลธรรมและข้อกฏหมายให้ถูกต้องทำนองคลองธรรม พฤหัสบดีมีมุมที่เด่นชัด เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ตามทีดวงชุตาของหลวงปู่นั้นเกื้อหนุนให้กับท่านที่คิด บูชา อธิษฐานขอให้ประสบความสำเร็จในการศึกษา เมื่อตั้งใจจะสอบเข้าที่ใดอธิษฐานขอพรจากหลวงปู่ทวดได้ถือว่าเป็นมงคล และเป็นวิริยะอุตสาหะให้เกิดปัญญาที่ให้เกิดแตกฉาน เมื่อทำข้อสอบก็จะนึกขึ้นได้ตอบคำถามได้

ประการสุดท้าย เรื่อง ของการมีบุตรถือว่าเป็นปฐมเกณฑ์ ใครที่ยังไม่มีบุตรและปราถนาที่จะมีบุตร มีความพร้อมแล้วก็อธิษฐานขอให้เทพเทวาที่คุ้มครองหลวงปู่ท่านมาจุติมาเกิด เป็นลูกของท่าน จะทำให้เป็นเด็กที่มีปัญญาเฉลียวฉลาด

นี่ก็คือมุมที่แนะนำในการขอ ในการอธิษฐานตลอดจนในเรื่องของมุมประวัติ จากมุมประสบการณ์จากเรื่องราวที่สัมพันธ์กับประสบการณ์

ในฐานะเป็นนักโหราศาสตร์ที่ได้ผ่านวงเวียน การพบเห็นเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายผมหวังว่าเรื่องราวของโหราศาสตร์ที่ผมได้กล่าวได้เขียนถึงร่วมกับคุณ ชุมศักดิ์นี้จะเป็นประโยชน์กับท่านทั้งหลาย ก็ขอเขียนฝากไว้ในวาระนี้

กรุงรัตนโกสินทร์ ๒๒๑ ปี เดือนธันวาคม

ประวัติศาสตร์สมัย หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์

ติดตาม อัพเดตข่าวสาร BT+RG คลิ้กที่นี่

สมาชิกที่เข้าชมล่าสุด

มาดูโลกหุ่นกันเถอะ ได้ทั้งขำ และความรู้  

1
ตั้ม101 (ตั้ม) ♠ เจ้าของหัวข้อ
# โพสเมื่อ 12 ธ.ค. 2555
® ตอบได้เฉพาะสมาชิก
ตอบ ตอบ 0 ถูกใจ ถูกใจ 0
คำสอนหลวงปู่ทวด

จากญาณนิมิตร

สู่การบันทึกตกทอดเป็นธารธรรม

โลก ทุกวันนี้ยุ่งยากก็เพราะมนุษย์ที่อวดตนหรือยกตนเป็นผู้ใหญ่ยังติดเสียง มนุษย์ที่อวดตนว่าเป็นผู้ดีเรียนรู้มากยังไม่มีจรรยาในการ "พิจารณาตน" ถ้าสัตว์โลกอยู่กันอย่างไม่ยึดตน ไม่ยึดเสียง ไม่ยึดอุปาทาน ถ้าละทิ้งได้ ไม่ยึดสิ่งใดเลยโลกนี้ย่อมสงบ ท่านต้อง เข้าใจว่า "การให้ทุกข์เขานั้น ทุกข์นั้นถึงตัวท่านเองแน่นอน"

นี่เป็นหลักความจริง

สมัยเมื่ออาตมามีสังขารอยู่ปัตานี ในระยะเริ่มแรกสร้างวัดช้างให้ มีแขกมาลายูคนหนึ่งมาบวชอยู่ในวัดของอาตมา แขกมาลายูคนนี้ไม่รู้จักภาษาสยาม รู้แต่ภาษามาลายู ทีนี้เมื่อรู้แต่ภาษามาลายู จะสอนให้สวดมนต์ก็ดีจะสอนการอ่านก็ดี ย่อมทำไม่ได้ อาตมาจึงบอกเขาว่าถ้าเช่นนั้นที่ไม่ต้องสวดมนต์ล่ะ ท่องเพียงสองคำก็พอคือ "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" แขกคนนั้นอยู่ในปกครองของอาตมาตื่นเข้าขึ้นมาก็ออกบิณบาตรตามปกติ กลับมาก็นี่งท่องแต่คำว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว"

มีแขกมาลายูด้วยกันเป็นพวกเลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ มาเที่ยววัด บอกว่า พระองค์นี้มันพูดอะไรของมันไม่ทราบท่องแต่ "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" "ให้ทุกเขาทุกข์นั้นถึงตัว" แขกคนนี้ไม่นับถือศาสนาพุทธแต่รู้ภาษาไทยดี ก็บอกว่าไม่จริง "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นไม่ถึงตัวหรอก"

จึงตั้งใจจะพิสูจน์คำว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว"จริงหรือไม่วันหนี่งได้ไปทำโรตีแบบที่ทางปักษ์ใต้เขาชอบกินกันสมัยนั้น คือโรตีแบบแขก แล้วก็ใส่ยาพิษลงไปด้วยนำไปใส่บาตร พระมาลายูที่ท่อง "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว"

บังเอิญเจ้ากรรมวันนั้นพระมาลายูองค์นี้บิณทบาตได้อาหารมามาก แล้วก็ฉันอิ่มจึงนำโรตีสองชิ้นที่แขกนั้นใส่บาตรไปเก็บเอาไว้ ส่วนคนที่ต้องการพิสูจน์คำว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว"มีลูกอยู่สองคน พอเที่ยงก็หิ้วข้าวมาให้พ่อซึ่งเลี้ยงวัวอยู่ในแถบวัดนั้นกิน แถวนั้นมันเป็นโคกโพธิ์ ด้านขาวมีกุฎิน้อยๆ เด็กทั้งสองเที่ยวไปถึง

กุฎิของพระที่ท่อง "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว"

พระองค์นี้เห็นว่าเด็กทั้งสองคนนี้น่ารัก บัดนี้มันเลยเพลแล้วโรตีที่เก็บไว้ก็จะเสียเปล่าจึงนำเอาโรตี ๒ แผ่น ที่พ่อเด็กเขาใส่ยาพิษที่จะให้พระนี้ฉัน ให้เด็กสองคนนั้นกิน เด็กสองคนนั้นก็กินแล้วกลับไปถึงบ้านก็ป่วยทันที ครั้นใกล้จะตายพ่อถามว่า "เมื่อเจ้าเอาข้าวไปส่งให้พ่อนะ เจ้าไปกินอะไรหรือเปล่า " ลูกทั้งสองบอกว่า ไปที่กุฏิพระองค์หนึ่งที่เป็นชาวมาลายูด้วยกันเห็นท่องแต่ "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" เห็นว่าแปลกไม่รู้ว่าเป็นอะไรท่องแต่คำคำนี้คำเดียว พระนั้นสงสารลูกได้ให้โรตีสองอันกิน

ในที่สุดผลแก่งการพิสูจน์ว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นก็ถึงตัว" เขาต้องการฆ่าพระองค์นั้น แต่กลับกลายเป็นฆ่าลูกสุดที่รักของเขาเอง เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัว เรามีความบริสุทธิ์ เรามีความเที่ยงธรรม เรามีหลักขัตติสัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา คุณธรรรมเหล่านี้จะรักษาเราให้ปลอดภัยทุกอย่าง

ที่ นี้การเป็นคน ท่านยึดเสียงหรือไม่ ท่านยึดคำพูดดีหรือไม่ ท่านยึดคำพูดเลวหรือไม่ถ้าท่านยึดสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านจะเป็นนักพรตที่ดีไม่ได้ ท่านจะเป็นนักบุญที่ดีไม่ได้ ท่านจะเป็นนักปกครองคนที่ดีไม่ได้ มนุษย์เราถ้ายังติดเสียง ติดคำชมและด่า มนุษย์นั้นยังมีใจไม่ถึงธรรม "สัจธรรมเป็นธรรมอันประเสริฐ"เป็นสิ่งที่แน่แท้ ทำไมสำนักปู่สวรรค์จึงยึดจุดนี้ก็เพราะว่าความจริงย่อมเป็นความจริง สิ่งที่เลวก็เป็นความจริงแห่งความเลว สิ่งดีก็เป็นความจริงของความดีที่จะกล่าวต่อไปในยุคต่างๆ ของมันเอง โดยไม่มีแปรเปลี่ยนไปได้ ธรรมชาติโลกียะ และโลกุตระมันเดินของมันเอง

เรา จะชนะความเลวด้วยความดี เราต้องมีอุเบกขา หมายถึง คิดว่าสิ่งนี้เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อชื่อ ความมีอำนาจ เมื่อท่านทำใจได้เช่นนี้ท่านก็จะเป็นคนที่ดีได้และจะเป็นนักเสียสละที่ดีได้ ด้วย

ที่นี้การที่เราจะให้คนอื่นเหมือนเราหมดย่อมไม่ได้ มนุษย์ต่างคนต่างเกิดมาในโลกนี้มีกรรมของตนไม่เหมือนกัน เมื่อมีกรรมวิบากของตนไม่เหมือนกัน มนุษย์ผู้นั้นอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน มีคุณธรรมไม่เท่ากัน เราจะเอาใจของเราเป็นสรณะว่าที่เราทำนี้ถูก ทุกคนจะต้องว่าถูกเหมือนเราไม่ได้ ท่านเข้าใจคำว่า "นานา จิตตัง "

หรือ "นานา มโน"หรือไม่ คือแต่ละคนมีความคิดของตนเป็นหลัก เราจะทำอะไรควรต้องมีความสุขุมรอบคอบ เราต้องคิดถึงคนอื่นว่า
ตั้ม101 (ตั้ม) ♠ เจ้าของหัวข้อ
# โพสเมื่อ 12 ธ.ค. 2555
® ตอบได้เฉพาะสมาชิก
ตอบ ตอบ 0 ถูกใจ ถูกใจ 0
อนันต์ คณานุรักษ์ ซึ่งเป็นผู้บันทึกเรื่องราวของหลวงปู่ทวดมาแต่เริ่มแรกได้กล่าวว่า

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ครองสมณเพศจำพรรษาอยู่วัดพะโคะ เป็นที่พึ่งของประชาราษฏร์มีความร่มเย็นเป็นสุข ได้ช่วยการเจ็บไข้ได้ทุกข์บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงพุทธศานิกชนได้ตลอดเวลา โดยตอนนี้ได้รับความกรุณาจากพระอุปชฌาย์ดำ ดิสสโร สำนักวัดศิลาลอย อำเภอจะทิ้งพระ เป็นผู้เล่าตามนิยายต่อกันมา โดยท่านพระครูวิริยานุรักษ์ วัดตานีนสโมสร บันทึกมาให้ผู้เขียนความดังต่อไปนี้

ในสมัยสมเด็จเจ้าพะโคะ พำนักอยู่วัดพะโคะครั้งนั้น ยังมีสามเณรน้อยรูปหนึ่งเข้าใจว่าคงอาศัยวัดใดวัดหนึ่ง ในท้องที่อำเภอหาดใหญ่เวลานี้สามเณรรูปนี้ได้บวชมาแต่อายุน้อยๆ ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัวมีความขยันหมั่นเพียร ก่อแต่การกุศลในพระพุทธศาสนาและตั้งจิตอธิษฐาน จะขอพบพระศรีอริยะอย่างแรงกล้า อยู่มาคืนวันหนึ่งมีคนแก่ถือดอกไม้เดินเข้ามาหา แล้วประเคนดอกไม้ส่งให้แล้วบอกว่า

"นี่เป็นดอกไม้ทิพย์ไม่รู้จักร่วงโรย"

พร้อม กับกล่าวว่า "พระศรีอริยะโพธิสัตว์นั้น ขณะนี้ได้จุติลงมาเกิดในเมืองมนุษย์ เพื่อดโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา สามเณรเจ้าจงถือดอกไม้ทิพย์นี้ออกค้นหาเถิด หากผู้ใดรู้จักกำเหนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้นแหละเป็นองค์พระศรีอริยะที่จุติมา เจ้าจงพยายามเที่ยวค้นหาคงจะพบ"

เมื่อกล่าวจบแล้ว คนแก่นั้นก็อันตรธานหายไปทันที สามเณรน้อยมีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง วันรุ่งเช้าจึงเข้ากราบลาสมภารเจ้าอาวาส ถือดอกไม้ทิพย์เดินออกจากวัดไป สามเณรเดินทางตรากตรำลำบากไปทั่วทุกหนทุกแหงก็ไม่มีใครทักถามถึงดอกไม้ทิพย์ ที่ตนถืออยู่นั้นเลย แต่สามเณรก็พยายามทนต่อความเหนื่อยยากต้องตากแดดกรำฝนเป็นเวลาช้านาน

วันหนึ่งต่อมา สามเณรน้อยเดินทางเข้าเขตวัดพัทธสิงห์บรรพดพะโคะ ในเวลาใกล้จะมืดค่ำเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงส่องรัศมีจ้าไปทั่วท้องฟ้า และเป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์ลงทำสังฆกรรมในโบสถ์ พอถึงเวลาพระภิกษุทั้งหลายก็เดินทยอยกันเข้าโบสถ์ผ่านหน้าสามเณรไปจนหมด ไม่มีพรภิกษุองค์ใดทักถามสามเณรเลย

เมื่อพระสงฆ์เข้านั่งที่ในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว สามเณรจึงเดินเข้าไปนมัสการถามสงฆ์เหล่านั้นว่า

"วันนี้พระลงมาอุโบสถหมดทุกองค์แล้วหรือ"

พระภิกษุตอบว่า "ยังมีสมเด็จอยู่อีกองค์วันนี้ไม่มาลงอุโบสถ"

สามเณร ทราบดังนั้นก็กราบลาพระสงฆ์เหล่านั้น เดินออกากโบสถ์มุ่งตรงไปยังกุฏิของสมเด็จเจ้าฯ ทันที ครั้นถึงสามเณรคลานเข้าไปก้มกราบนมัสการท่านอยู่ตรงหน้า สมเด็จเจ้าฯ ได้ประสบดอกไม้ในมือสามาเณรถืออยู่จึงถามสามเณรว่า

"นั่นดอกมณฑาทิพย์ เป็นดอกไม้เมืองสวรรค์ผู้ใดให้เจ้ามา"

สามเณรรู้แจ้งใจตามที่นิมิตจึงคลานเข้าไปใกล้ก้มลงกราบที่ฝ่าเท้า แล้วประเคนถวายดอกไม้ทิพย์นั้นแก่สมเด็จฯ ทันที เมื่อสมเด็จเจ้าฯ รับประเคนดอกไม้ทิพย์จากสามเณรน้อยแล้วท่านได้สงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่มิได้ พูดจาประการใด แล้วลุกขึ้นเรียกสามเณรเดินตรงเข้าในกุฏิปิดประตูลงกรอนและเงียบไปในคืนนั้น มิได้ร่องรอยแต่อย่างใดเหลือไว้ให้พิสูจน์

จนเวลา ล่วงเลยมาถึงบัดนี้ประมาณสามร้อยปีแล้ว การหายตัวไปของสมเด็จเจ้าพะโคะครั้งนั้นประชาชนเล่ากันว่าท่านได้สำเร็จสู่ สวรรค์ไปเสียแล้วด้วยอำนาจบุญบารมีอภินิหารท่านแรงกล้า ตามที่กล่าวเล่าลือกันเช่นนี้เพราะมีเหตุอัศจรรย์ปรากฎขึ้นในคืนนั้นว่า บรรยากาศข้างบนบริเวณวัดพะโคะได้มีดวงไฟโตขนาดเท่าดวงไต้ส่งรัศมีสีต่างๆ เป็นปริมณฑลดัง "พระจันทร์ทรงกลด" ลอยวนเวียนรอบบริเวณวัดพะโคะ ส่องรัศมีสว่างจ้าไปทั่วบริเวณวัด เมื่อดวงไฟดวงนั้นลอยวนเวียนอยู่ครบสามรอบ แล้วลอเลื่อนไปทางทิศอาคเนย์ ลับหายมาจนกระทั่งบัดนี้ วันรุ่งเช้าประชาชนมาร่วมประชุมกันที่วัดและต่างคนต่างก็เข้าใจว่าสมเด็ม เจ้าฯ ท่านสำเร็จสู่สวรรค์ไป จึงได้พากันพนมมือขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกันเปล่งเสียงว่า

"สมเด็จเจ้าพะโคะโละหายไปเสียแล้วเจ้าข้าเอย"

เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะโละหายไปจากวัดพะโคะครั้งนั้น สมเด็จเจ้าฯ ท่านได้ทิ้งของสำคัญไว้ให้เป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตลอดมาคือ

1. ดวงแก้วที่พระยางูใหญ่ให้ครั้งเป็นทารกอยู่ในเปล 1 ดวง และสมภารทุกๆ องค์ของวัดพะโคะได้เก็บรักาไว้จนถึงบัดนี้ ปรากฏว่าแก้วดวงนี้ไม่มีใครกล้านำออกจากบริเวณวัดพะโคะ เพราะเกรงจะเกิดภัย

2. ก่อนที่สมเด็จเจ้าฯ จะโละหายไปปรากฎว่าท่านได้ขึ้นไปทำสมาธิอยู่บนชะง่อนผาบนภูเขาบาท ได้เอาเท้าซ้ายเหยียบลงบนลาดผาลึกเป็นรอยเท้า เป็นที่สักการะบูชาของประชาชนมาจนกระทั่งบัดนี้
ตั้ม101 (ตั้ม) ♠ เจ้าของหัวข้อ
# โพสเมื่อ 12 ธ.ค. 2555
® ตอบได้เฉพาะสมาชิก
ตอบ ตอบ 0 ถูกใจ ถูกใจ 0
ประวัติศาสตร์ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงค์ *ทำไม เครื่องรางหลวงพ่อทวด จึงศักดิ์สิทธิ์

ดัง ที่รู้ทั่วกันแล้วว่า พระเครื่องจะแทนองค์หลวงปู่ทวดนั้นมีมวลสาร ว่านกากยายักษ์และอีกหลายอย่าง ครบตามกระบวนความของการสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนั้นและพิธีปลุกเสกเชิญวิญญาณของหลวงพ่อทวดก็กระทำอย่างถูกแบบแผน

โดย ท่านพระครูวิสัยโสภณ ผู้ซึ่งหลวงพ่อเคยเข้าฝันว่า ถ้าอยากได้อะไรให้ขอ ฉะนั้นเมื่อท่านเจ้าอาวาสปรารถนาโบสถ์ที่งดงามเป็นศาสนสมบัติ ซึ่งจะตอบแทนผู้บริจาคปัจจับด้วยพระเครื่องของหลวงปู่ทวด พิธีกุศลเจตนามีความชอบธรรมเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่สมบูรณ์ ด้วยแรงอภินิหารของหลวงพ่อทวดเหยีบบน้ำทะเลจืดได้

ใน ปัจจุบันวัดช้างให้ เจริญรุ่งเรือง มีโบสถ์หลังงามมีวิหารสำหรับประดิษฐาน รูปหล่อจำลองขององค์หลวงพ่อทวดฯลฯ สิ่งเหล่านี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชน เกิดจากพลังศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด โดยแท้ จึงนับได้ว่าเป็นวัดสำคัญจากความศรัทธาในบวรพุทธศาสนาวัดหนึ่ง

หลวงปู่ทวด เป็นพระมหาโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีมาเต็มเปี่ยมแล้ว เชื่อ กันมานานว่าคือพระพุทธเจ้าองค์ต่อจากพระโคดมคือหลวงปู่ทวดเป็นอริยะที่คน ทั้งประเทศไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี แม้ประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งประเทศห่างไกลออกไปก็ยังรู้จักด้วยกฤษดาภินิหาร ของท่านที่ทำการเหยียบน้ำทะเลจืดและพระเครื่องของท่านทุกองค์ไม่ว่าจะสร้าง จริงหรือปลอม ปลุกเสกหรือไม่ ล้วนเปี่ยมยอดทุกองค์ ใครคล้องคอติดตัวจะปลอดภัยอย่างน่ามหัศจรรย์ยิ่ง...

หลวงพ่อปรีชา แห่งวัดเขาอิติสุคโต ท่านกล่าวเป็นคติสอนใจเรื่องนี้ไว้ว่า

"ก็ พระท่านจิตบริสุทธิ์ ไม่มีความโกรธ ความโลภ ความหลง จิตท่านบริสุทธิ์ ไม่มีรสกิเลสเจีย เป็นได้กับน้ำใสเย็น ที่เป็นที่พึ่งเป็นที่พักใจของสัตว์โลกได้

เมื่อ จิตท่านบริสุทธิ์แล้ว ท่านจะหยิบจะแต่สิ่งใดด้วยใจอันบริสุทธิ์ ก็ย่อมทำให้สิ่งนั้นพลอยบริสุทธิ์ไปด้วย แม้กระมั่งน้ำทะเลที่เค็มแต่เมื่อท่านเอาความบริสุทธิ์ใสสะอาดไปสัมผัสแล้ว ก็พลอยทำให้น้ำทะเลจืดใสตามไปด้วยอำนาจแห่งความบริสุทธิ์ที่มาจากใจนั้น

เป็น อำนาจมหาศาลไม่มีประมาณ ย่อมยังประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมให้เกิดได้อย่างอัศจรรย์ ฉะนั้นการเพียร การรักษาใจให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์ จึงเป็นงานสำคัญเป็นหน้าที่ของนักบวชนักประพฤติพรหมจรรย์ต้องเข้าถึงตรงนี้ ให้ได้"
peter p (พี)
# โพสเมื่อ 12 ธ.ค. 2555
® ตอบได้เฉพาะสมาชิก
ตอบ ตอบ 1 ถูกใจ ถูกใจ 0
ผมก็เป็นอีกคนที่ศรัทธา หลวงปู่ทวด ครับ

ตั้ม101 (ตั้ม)
# โพสเมื่อ 13 ธ.ค. 2555
ถูกใจ ถูกใจ 0
สวัสดีครับน้าปีเตอร์พี ผมก็เคยได้ยินเรื่องราวประสบการณ์ของน้าอยู่เหมือนกันครับ สำหรับคนสู้ชีวิตอย่างสุจริตอย่างเราๆบารมีท่านปกป้องคุ้มครองช่วยเหลือแน่ครับผมเชื่อในอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของท่านเป็นที่สุดครับ ใจเราเป็นใหญ่ขอแค่ศรัทธา และเชื่อในกรรมดีกรรมชั่วทุกอย่างจะสำเร็จแน่นอนครับ
1

แสดงความคิดเห็น



แสดงความคิดเห็นเหรอ
ลงชื่อเข้าใช้หน่อยจ้า ด้วย Facebook ก็ได้ ง่ายๆเอง





Home
BT-50 เราสร้างสรรค์เว็บไซต์ด้วยใจศิลปะ