แผนที่ของโลกใหม่ หลังน้ำท่วมโลกปี2012 เมืองหลวงของไทยใหม่ที่ไหนดี
แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี 2012
จาก การทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่ยนพลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น
ในการค้นคว้า วิจัยส่วนตัวและของบริษัท ได้วิเคราะห์หรือทำนายด้วยระบบคอมพิวเตอร์ Hyderabad ซึ่งมีแนวโน้มเกี่ยวกับการยกระดับพลังงานขึ้นสูงสุด จะเกิดขึ้นในปี 2012 นี้
การ พลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก คือกระบวนการเมื่อขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้กลับตำแหน่งกัน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น, ที่จุดหนึ่งของเวลา สนามแม่เหล็กโลกจะลดลงเกือบจะถึงศูนย์เกาซ์ โลกที่จุดนั้นของเวลามีคุณสมบัติของแม่เหล็กเป็นศูนย์ สิ่งนี้บังเอิญมาเกิดขึ้นพร้อมกัน กับการหมุนรอบพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ในทุกๆสิบเอ็ดปีพอดี
ใน ประวัตศาสตร์ของมนุษย์ยุคใหม่ ปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัวที่เคยเกิดขึ้นนั้นไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน แต่ในปัจจุบัน, แบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์สามารถทำนายผลลัพธ์ที่เป็นจริงได้ ซึ่ง NASA เคยนำคำพูดที่น่ากลัว มากล่าวถึงในที่สาธารณะเกี่ยวกับการพลิกกลับขั้วจะทำคุณสมบัติของแม่เหล็ก ของโลกอ่อนแอและเบี่ยงเบนไป แต่ไม่ใช่ศูนย์
ตามแบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์ Hyderabad การพลิกกลับเกี่ยวกับขั้วของโลกและดวงอาทิตย์สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาที่จริงจังดังต่อไปนี้
- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
- ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
- สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับ อันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
- กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
-แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ถ้า คุณรวมเค้าเรื่องการทำลายล้างกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นไปได้เหล่านี้เป็นไปได้ทั้งหมด, คุณสามารถดูได้โดยง่าย, โลกอาจจะกลายเป็นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษย์เมื่อถึงปี 2012 และผู้ที่จะรอดได้นั้นอาจต้องมีชีวิตอยู่ใด้ดินหรือใต้เปลือกโลกเท่านั้น.. โดยที่ก่อนหน้านี้นั้น เมียนม่าร์ (พม่า) ได้ทำการย้ายเมืองหลวงไปก่อนหน้าเราแล้ว คือ จากนครร่างกุ้ง บริเวณปากแม่น้ำอิระวดี ย้ายขึ้นเหนือไปประมาณ 400 กิโลเมตร ไปตั้งที่นครนอร์ปิดอร์ ในเขตเปียนมานา โดยมีวัตถุประสงค์ในการย้ายคือ
1. เมืองร่างกุ้งคับแคบ ประชาการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นอุปสรรคในการขยายเมือง
2. ย้ายหนีริมแม่น้ำ ที่อาจจะเป็นผลเกิดจากภาวะโลกร้อน
3. ย้ายหนีการรุกรานของชาติตะวันตก ป้องกันการโดนปิดอ่าว ที่คาดว่า อาจจะเกิดสงครามขึ้นได้ในภายภาคหน้า
จากกะทู้ แผนที่น้ำท่วมโลก นั้น ผมได้ลองปรับระดับน้ำไล่ไปเรื่อยๆๆ ตั้งแต่ 1M-14M ผลปรากฏว่า ปรับไปได้ไม่เท่าไร น้ำก็แทบจะท่วมกรุงเทพมหานครทั้งหมดแล้ว ซึ่งกรุงเทพมหานครนั้น เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเรา ดังนั้น ผมเห็นควรว่า จะต้องมีการให้ย้ายเมืองหลวง และเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆๆ และนั่นคือที่มา ของคำถามที่ผมจะถามทุกท่านในวันนี้นะครับ หากว่ากรุงเทพมหานครน้ำท่วมไปแล้ว เราจะย้ายเมืองหลวงไปที่จังหวัดไหนดี โดยมีเงื่อนไขคือ...
เราจะได้เล่นทะเลที่จังหวัดลพบุรี นครสวรรค์ น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี นครนายก ปราจีนบุรี ราชบุรี(บางส่วน) เพชรบุรี(บางส่วน) สุพรรณบุรี (บางส่วน) อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครปฐม ระยอง(ตัวเมือง) จันทบุรี(ตัวเมือง) ตราด(ตัวเมือง) ชลบุรี(ริมชายฝั่งและตัวเมืองบางส่วน) นครศรีธรรมราช(ครึ่งจังหวัด) เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะช้าง เกาะกูด กาญจนบุรี (บางส่วน) ประจวบคีรีขันธ์ (บางส่วน) ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี พัทลุง นราธิวาส
ดังนั้น จังหวัดที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ไม่เหมาะแก่การย้ายเมืองหลวงใหม่ไปตั้ง เนื่องจากน้ำก็ท่วมเหมือนกัน ผมจึงอยากให้เพื่อนๆๆ ลองเสนอจังหวัดที่สมควรจะเป็นเมืองหลวงใหม่ มาดูกันนะครับ โดยที่มีตัวเลือกให้ คือ
1. เชียงใหม่ - เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือ และประตูสู่เอเชียตะวันออกแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายที่สำคัญของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ และยังมีประเพณีไทยที่สำคัญอีกคือ สงกรานต์เมืองเชียงใหม่ และด้วยสภาพภูมิประเทศที่อยู่บริเวณที่ราบลุ่มหุบเขาแล้ว อาจจะเหมาะสมแก่การตั้งเมืองหลวงใหม่ได้ แต่ข้อเสียคือ เมืองหลวงของเรา อาจจะไปอยู่ใกล้ชายแดนมากไปนิด ข้อเสียไม่อยู่กึ่งกลางประเทศ การคมนาคมลำบาก
2. อุบลราชธานี - ชื่อก็บอกอยู่แล้ว จะเป็นราชธานี ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ของภาคอีสาน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำชีที่อุดมสมบูรณ์ มีประเพณีที่สำคัญของไทย นั่นคือ ประเพณีแห่เทียนพรรษา ที่งดงามยิ่งนัก มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ ผาแต้ม เขื่อนสิรินธร ฯลฯ แต่เนื่องด้วยจะมีความพร้อมมากเพียงใด แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชาและลาว)มากเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเมืองและความปลอดภัยจากการก่อการร้ายได้ ข้อเสียไม่อยู่กึ่งกลางประเทศการคมนาคมลำบาก
3. นครราชสีมา - เป็นอีกหนึงจังหวัดใหญ่ในภาคอีสาน ด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของภาคและอนาคตศูนย์กลางของประเทศ ยังเป็นประตูสู่ภาคอีสานแล้ว โคราชนี้ จะตั้งอยู่บริเวณที่ไม่ไกลจากทะเลนัก (หากโดนน้ำท่วมไปแล้ว) สามารถไปมาค้าขายได้คล่อง และมีประชากรมากพออยู่แล้วจึงทำให้อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่มีข้อเสียคือ ด้วยความที่สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบแอ่งกะทะ ที่จะทำให้น้ำท่วมเวลาที่ฝนตกหนักกๆๆ และสภาพความเป็นดินทรายของพื้นที่ จึงอาจจะทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งในฤดูร้อนได้ แต่ถ้าอยู่ใกล้ทะเลความชุ่มชื้นและฝกตกบ่อยอาจมีมากเหมือนกรุงเทพทุกวันนี้ ปัจจุบัน มีโครงการที่จะพัฒนาแอ่งโคราชนี้ ให้กลายเป็นแหล่งเกษตรกรรมหลักของประเทศได้อีกด้วย จึงเป็นอีก 1 ตัวเลือกที่น่าสนใจ
4. เพชรบูรณ์ - เมืองใหญ่ตั้งอยู่ในหุบเขาและอยู่ริมแม่น้ำป่าสักที่อุดมสมบูรณ์ เคยเป็นฐานทัพหลักของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยสมัย พ.ศ.2520 สภาพพื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูก มีมะขามหวานที่ขึ้นชื่อของประเทศ ไก่ย่างวิเชียรบุรี และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เช่น ภูหินร่องกล้า เขาค้อ น้ำหนาว จึงทำให้เป็นอีก 1 ตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ถึงแม้สภาพอากาศอาจจะร้อนไปบ้างในช่วงฤดูร้อน
5. ขอนแก่น - ที่นี่คือใจกลางของภาคอีสานอย่างแท้จริง ปัจจุบันขอนแก่นกำลังพัฒนาจังหวัดตัวเองไปอย่างราบรื่น และไปในทางที่ดีอีกด้วย ด้วยสภาพที่อยู่บริเวณระหว่างแอ่งโคราช และแอ่งสกลนคร จึงทำให้ขอนแก่น มีสภาพที่ไม่สุดโต่งจนเกินไป อีก 1 ตัวเลือกที่น่าสนใจ