ขอบคุณ.. ที่แวะมา
คุณเคยมั้ย ที่ครั้งนึงในชีวิต ที่เรารู้สึกว่าเราได้สูญเสียสิ่งที่เราเคยรักและผูกพันธ์
และหายไปจากชีวิตของเรามาแรมปี และไม่มีทีท่าว่าจะได้เจอะเจอกันอีก แต่แล้วจู่ๆสิ่งที่เราไม่คาดฝัน มันมักเกิดขึ้นได้เสมอ "ดังคำที่พระท่านว่า สิ่งที่ไม่แน่นอน คือสิ่งที่แน่นอนที่สุด"
01.00 น. ชั่วโมงเเรกของวันที่2 มี.ค. 55 ในคืนอันแสนเงียบสงัด หลังจากกลับเยี่ยมอาการป่วย ของน้าหนึ่ง บางโทรัด ที่ร.พ. มหาชัย 1. ตามข่าวคราวที่พวกเราได้รับทราบ พลันสายตาของผม ก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ ของเจ้าเหมียว หางยาว ร่างปราดเปรียว ที่หายไปจากชีวิตของผมและภรรยาไปนานแรมปี หลังจากที่ผมถอยรถเข้าช่องแคบๆในตัวบ้านได้ ผมร้องทักไปอย่างดีใจ
"เหมียวอ้วน นั่นเจ้าเหมียวอ้วนของพ่อใช่มั้ย.." เมี้ยว ๆๆๆ เสียงตอบรับกลับมาในความสลัวของแสงไฟยามราตรี "แม่ ๆๆ ออกมาดูอะไรนี่เร็ว มาดูซิว่าใครมา.... " ผมตะโกน บอกภรรยาผมที่อยู่ในบ้าน " ใครมาเหรอ ดึกป่านนี้แล้ว"
เจ้าเหมียวอ้วน มันวิ่งหลบลงไปใต้ท้องรถเก๋งของเพื่อนบ้านที่จอดอยู่ในถนนหน้าบ้าน..."ฉันว่าเจ้าเหมียวอ้วนมันกลับมา แม่ลองไปดูซิว่าใช่มันหรือเปล่า.. " "เมี้ยวๆๆ เหมียวอ้วนเอ๊ย ใช่เหมียวอ้วนของแม่หรือเปล่า ว้า..ไหนออกมาให้แม่อุ้มหน่อยซิ มิ้วๆๆๆๆ" เจ้าเหมียวอ้วนเดินออกมาทันทีหลังจากได้ยินเสียงภรรยาผมเรียก และให้อุ้มในทันที ผมและภรรยาดีใจมากๆ เหลือเชื่อจริงๆ ไม่น่าเชื่อ และไม่คาดฝันมาก่อนเลยว่าจะได้เจอะได้เจอมันอีกครั้ง
อาหารเม็ดจานโปรด ที่มันเคยกินประจำ รวมทั้งปลาทอด ที่เป็นอาหารเช้า ของเจ้าหกเกรียนในบ้าน ถูกนำมาหน้าบ้านในทันที
เจ้าเหมียวอ้วน สวาปาม อย่างเอร็ดอร่อย เหมือนกับว่าไม่ได้กินอาหารแบบนี้มานานแรมปี
ผมสังเกตดูสภาพร่างกายของมันก็ดูไม่ผอมมาก แต่ดูมอมแมมไปตามประสาแมวบ้านที่ออกไปอยู่ป่ามานาน
ผมพยายามอุ้มมันเข้าบ้าน แต่พอเจอะเจอลุกๆ และหลานๆของมัน มันก็ขู่ฟ่อ.. เหมือนก่อนที่มันจะหนีหายไปจากชีวิตผม เมื่อต้นปีที่แล้ว
ผมเปิดน้ำก๊อก ใส่ขัน ให้มันกิน หลังจากมันกินอาหารจนอิ่ม แล้วก็ปล่อยให้มันไปตามทางชีวิตที่มันเลือกเอง ไม่อยากจะฝืนเอามันขังกรงไว้ทั้งที่ใจผมอยากจะทำแบบนั้นใจจะขาด แต่ไม่อยากรั้งมันไว้ เพราะเกรงว่ามันจะไม่มีความสุข
ตำนานและประวัติคร่าวๆของเจ้าเหมียวอ้วน หลังจากเขี้ยวเพชรตาย มันเป็นเเมวตัวที่ 2 ที่ผมได้อุปการะมันไว้
เนื่องด้วยสงสารที่มันท้องแก่ในวันที่มันใกล้คลอด มันได้มายืนรอผมกับภรรยาอยู่หลังบ้าน และคลอดลูกภายในบ้านผมในคืนนั้นเองทั้งหมด สามตัว ก็คือเจ้าเสือน้อย สีนิล ดาด้า ครอบครัวแมวเสียงหวานนั่นเอง
ช่วงนั้นในบ้านผมจะมีชีวิตชีวามาก เพราะเจ้าเหมียวอ้วนมันจะรักลูกๆของมันมากๆ จวบจนด้าด้าและเจ้าสีนิลเติบโตเป็นสาว และบังเอิญท้องขึ้นมาพร้อมกัน ผมจึงนำเจ้าเหมียวอ้วนไปทำหมัน เพราะเกรงว่าประชากรแมวมันจะมากเกินไป
(ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวัน กับชะตากรรมของเจ้าเหมียวอ้วน) เพราะหลังจากทำหมันจนแผลมันหายดีแล้ว นิสัยที่รักลูก กลับไม่มีหลงเหลืออีกเลย มีแต่ความเกรี้ยวกราดใส่ลูกๆของมัน ซึ่งนั่นผมคิดว่ามันเกิดจากการทำหมันให้มันนั่นเอง ทำหมันมันดีตรงที่มันจะได้ไม่มีลูกอีก แต่ข้อเสียก็คือนิสัยที่เปลี่ยนไปโดยเราไม่อาจคาดเดาได้
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าเหมียวอ้วน ก็หายออกไปจากบ้านไปแรมเดือน แล้วกลับมาอีกครั้ง และครั้งล่าสุดที่กลับมา ก็เมื่อ กุมภาพันธ์ ปี 2554 ตั้งแต่ผมเสียเจ้าเหมียวอ้วนไปครานั้น ผมก็เลยไม่กล้านำเจ้าสีนิล และเจ้าดาด้าไปทำหมันอีก แต่เปลี่ยนเป็นฉีดยาคุมเอาแทน..
การที่เราได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง มันจะมีความผูกพันธ์เหมือนมันเป็นคนในครอบครัวของเรา (คนที่มีและเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทั่วไปจะเข้าใจดี)
ขอบคุณนะเจ้าเหมียวอ้วน ที่ยังจำทางกลับบ้านได้และแวะมา แม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ทำให้คืนๆนั้น ของผมนอนหลับอย่างมีความสุขจนถึงรุ่งสาง ผมได้แต่หวังว่ามันจะกลับมาอีก ในคราต่อไป
จะพูดไปแล้วเรื่องเหลือเชื่อต่างๆ มักเกิดขึ้นได้เสมอ ตามแรงอฐิษฐาน และความคิดถึง ที่เรามีให้ ให้กับสิ่งที่เราผูกพันธ์ และคาดหวังเฉกเช่นเดียวกับคำว่าปาฏิหารย์ ที่ผมภาวนาว่าอยากจะให้เกิดขึ้นกับน้าหนึ่ง เพื่อนในคลับของเราที่ประสบกับฝันร้ายในชีวิต ให้ได้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง..
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน อาจจะยาวไปสักนิด แต่ก็เขียนมาจากก้นบึ้งของหัวใจ....
กลุ่มเรื่อง #สัตว์เลี้ยง #แมว