เขียนหัวข้อใหม่
 แสดงความคิดเห็น

เปิดเปลือกแฉความเชื่ออย่างปรัมปรา 10 เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพในฤดูร้อน

| หัวข้อในหมวดเดียวกัน | bt-50
ครอบครัวตัวอ้วน (รณ)
# โพสเมื่อ 12 ก.ย. 2555
© เนื้อหานี้ ผู้โพสคัดลอกมา ® ตอบได้เฉพาะสมาชิก
เข้าชม 2457 (1 ต่อวัน) ตอบ 0 ถูกใจ ถูกใจ 0

เปิดเปลือกแฉความเชื่ออย่างปรัมปรา 10 เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพในฤดูร้อน

บทความแปล: เปิดเปลือกแฉความเชื่ออย่างปรัมปรา 10 เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพในฤดูร้อน

โพสต์บน Facebook: https://www.facebook...331757206921185

 

บทความแปล: เปิดเปลือกแฉความเชื่ออย่างปรัมปรา 10 เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพในฤดูร้อน (Top 10 Summer Health Myths Debunked)

 

อ้างอิง: http://www.jadeinteg...om/page/?p=1821

โพสต์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

 

เพื่อเป็นวัธีการเตรียมตัวอย่างดีสำหรับท่าน ที่จะสร้างความสุขสำราญในการพักร้อนโดยปราศจากความหนักอกหนักใจ เราขอเปิดเผยให้ท่านทราบเกี่ยวถึงข้อเท็จจริงในเรื่องเล่าขานที่เชื่อกันมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพในหน้าร้อนให้เป็นความรู้กัน:

 

 

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 1: เดินเข้าๆ ออกๆ จากตึกที่ติดเครื่องปรับอากาศบ่อยๆ สามารถทำให้ท่านเจ็บป่วยได้ 

 

ตามที่ ดร. นีล สแกชเทอร์ (Neil Schachter, M.D.) ซึ่งเป็นแพทย์เกี่ยวกับโรคปอดและเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง “คำแนะนำเกี่ยวกับโรคหวัดและไข้หวัดจากหมอที่ดี” (The Good Doctor’s Guide to Colds and Flu), บ่อยครั้งที่ อาการอึดอัดหรือคัดจมูกเป็นสัญญาณของโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นเรื่องตรงข้ามกันกับโรคไข้หวัด เขากล่าวว่า “ผู้คนที่มีโรคภูมิแพ้ – แม้กระทั่งความรู้สึกที่ไวเพียงนิดเดียว – อาจจะส่งผลกระทบกระเทือนต่อตัวบุคคลได้ เมื่อเดินออกมาจากห้องที่มีสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ ไปสู่สถานที่ซึ่งอยู่ตามสภาพธรรมชาติซึ่งสร้างความระคายเคืองต่อระบบในร่างกายได้” ในการป้องกันต่อโรคภูมิแพ้ ควรจะอยู่ภายในตัวตึกอาคารเมื่อวันที่มีความชื้นในอากาศสูง เพราะมันเป็นเวลาที่ฝุ่นละอองหรือเกษรดอกไม้ที่ทำให้เกิดภูมิแพ้นั้นมีจำนวนอยู่อย่างสูงที่สุด และพยายามรักษาบ้านของท่านให้ปราศจากฝุ่นด้วยการทำความสะอาดที่กรองอากาศในตัวเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง (อ้างอิง จากนิตยสาร Women’s Health)

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 2 : ผิวหนังที่ถูกแสงแดดเผาจะจางตัวลง แล้วกลายเป็นผิวสีน้ำผึ้ง (สีแทน) ในเวลาต่อมา

 

“ผิวหนังที่ถูกแดดเผาคือการถูกเผา ไม่ใช่ขั้นตอนที่จะต้องมีมาก่อนที่จะกลายเป็นผิวสีน้ำผึ้ง” (อ้างอิง: CBS News) ผลจากผิวหนังที่ถูกแสงแดดเผาจะเกิดเพียงแต่เรื่องการทำลายผิวหนังเท่านั้น ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นเรื่องของการแก่ก่อนวัยและเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคมะเร็งบนผิวหนังด้วย แม้ว่าจำนวนเวลาของการออกไปตากแดดอย่าง “ดีต่อสุขภาพ” ก็ตาม มันสามารถทำลายผิวหนังและทำให้ตัวท่านต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางสุขภาพได้ ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงเรื่องผิวหนังที่ถูกแดดเผา ควรพยายามใช้ครีมโลชั่นเพื่อป้องกันแสงแดดที่มีจำนวน SPF สูง ถึงแม้ว่าจะอยู่ใต้ร่มก็ตาม ถ้าคิดว่า ผิวหนังของท่านถูกแดดเผานานเกินไปแล้ว พยายามรักษามันด้วยว่านหางจระเข้ (aloe vera) หรือไม่ก็ครีมโลชั่นเพื่อบรรเทาการระคายเคืองหลังจากนั้น (อ้างอิง: CBS News)

 

--

 

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 3: คนที่มี “ผิวหอม” จะถูกยุงรุมตามติด

 

ตามข้อเท็จจริงแล้ว ยุงจะรุมกัดผู้คนบางกลุ่มมากกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง (โดยทั่วไปแล้ว 1 คนจาก 10 คนจะดึงดูดความสนใจให้กับยุงมากกว่า) และมันไม่มีเรื่องของความเป็นจริงเกี่ยวกับ “ผิวหอม” เลย อย่างไรก็ตาม ยุงจะชอบกลิ่นหอม, กลิ่นดอกไม้ รวมไปถึงกลิ่นผลไม้และเสื้อผ้าสีทึบๆ นอกไปเสียจากว่าท่านต้องการทำตัวให้ยุงหันความสนใจเข้ามาหาตัวท่านเอง พยายามหลีกเลี่ยงพวกน้ำหอม หรือ โลชั่นหรือลูกกลิ้ง, ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผมที่มีกลิ่นหอมอย่างรุนแรง และควรที่จะทาหรือฉีดยากันยุงเพื่อเป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง (อ้างอิง: CBS News)

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 4: ควันไฟจากเตาปิ้งอาหารหรือจากแค้มป์ไฟไม่มีอันตรายอะไรเลย

 

“การหายใจสูดควันเข้าสู่ร่างกาย เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของท่านในเรื่องโรคมะเร็ง และมันเป็นเรื่องโชคร้ายเสียด้วยที่ว่า ไม่ว่ามันจะเป็นควันประเภทไหนก็ตาม” ตามเวปไซค์ของ Clean Air Revival Inc.’s website (http://burningissues...ww/aboutus.html) สำนักงานการบริหารป้องกันสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Administration – อ้างอิง:http://www.epa.gov/) ได้ประเมินว่า ควันไฟจากไม้ที่ถูกเผาด้วยการปิ้งย่างอาหารหรือจากแค้มป์ไฟ ก่อให้เกิดสารที่สร้างมะเร็ง (carcinogenic) ให้กับร่างกายมากกว่าการสูบบุหรี่ถึง 12 เท่าตัว และควันเหล่านี้ยังสามารถดำรงอยู่ในร่างกายได้เป็นระยะเวลานานกว่าควันที่เข้ามาสู่ร่างกายด้วยการสูบบุหรี่ถึง 40 เท่า” (อ้างอิง: CBS News)

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 5: “ควรจะรออย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหลังจากกินอาหารแล้ว ก่อนที่จะไปว่ายน้ำได้ปลอดภัย”

 

ผู้ปกครองที่เคยสอนเรามานั้น ได้สอนเรามาอย่างผิดๆ ความเป็นไปได้เกี่ยวกับโอกาสที่ว่าใครบางคนอาจจะต้องจมน้ำตายจากการว่ายน้ำหลังจากที่กินอาหารจนอิ่มแล้ว มีพอๆ กันกับ ความเป็นไปได้ที่ใครบางคนจะเสียชีวิตเพราะการกระพริบตาจนถี่ยิบเกินไป “มันเหมือนกับการออกกำลังกายทุกๆ อย่างหลังจากกินอาหารจนอิ่มแล้ว การว่ายน้ำหลังจากกินอาหารหนักอาจจะทำให้ท่านรู้สึกอีดอัด แต่มันไม่ได้เป็นสาเหตุที่จะทำให้ท่านจมน้ำตายเสียหน่อย” (อ้างอิง: Medicine Net)

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 6: “คนผิวคล้ำหรือผิวดำไม่ต้องใช้ครีมกันแดด”

 

“คนที่ผิวสีอ่อนกว่า จะมีสารเมลานิน (Melanin - http://www.medicinen...articlekey=4340) น้อยกว่าคนที่มีสีของผิวหนังเข้มคล้ำ, (สารเมลานินคือ เม็ดสี (pigment - http://www.medicinen...articlekey=4899) สร้างเซลล์บนผิวหนัง เพื่อการดูดกลืนรังสีอุตร้าไวโอเลท (UV Radiation -http://www.medicinenet.com/script/main/art.asp?articlekey=34066) และเป็นตัวช่วยป้องกันผิวหนังด้วย) ในขณะที่คนที่มีผิวสีอ่อนจะมีความอ่อนไวอย่างมากต่อผลกระทบของรังสีอุตร้าไวโอเลทที่มาจากแสงอาทิตย์ แต่สำหรับคนที่มีผิวสีคล้ำก็ยังสามารถถูกกระทบในเรื่องนี้เกี่ยวกับผิวที่ถูกทำลายจากรังสีอุตร้าไวโอเลทได้เช่นเดียวกัน” (อ้างอิง: Medicine Net) ในการป้องกันไม่ให้ผิวเสียหรือผิวแตกนั้น สถาบันโรคผิวหนังของประเทศสหรัฐอเมริกา (The American Academy of Dermatology) แนะนำถึงการใช้อย่างครีมกันแดดอย่างเป็นประจำด้วยส่วนผสมอย่างน้อยที่สุด ต้องเป็น SPF 15 สำหรับคนที่มีผิวสีคล้ำ

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 7: รองเท้าแตะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเท้าของท่าน

 

โดยเฉลี่ยแล้ว รองเท้าแตะไม่ได้ให้การประคับประคองอย่างเหมาะสมต่อเท้าของท่านเลย ตามที่แจ๊กเกอลีน ซูเทร่า (Jacqueline Sutera, D.P.M.) ซึ่งเป็นแพทย์รักษาเท้าอยู่ในเมืองแมนแฮทตั้น มลรัฐนิวยอร์คได้กล่าวว่า “การสวมใส่รองเท้าแตะอยู่ตลอดเวลาทั้งฤดูร้อน หรือ ทุกๆ ฤดูร้อน สามารถก่อให้เกิดการเจ็บต่อเส้นประสาทของเท้า, เจ็บปวดที่ส้นเท้า, เอ็นเท้าอักเสบ (tendinitis) และเจ็บเคล็ดใต้ฝ่าเท้า (strained arches)ถ้าท่านไม่สามารถที่จะเลิกใช้รองเท้าแตะได้อย่างสิ้นเชิง ขอแนะซื้อคู่ใหม่ที่มีพื้นรองเท้าหนาอย่างน้อย ¾นิ้ว (2 เซนติเมตร) แบบกึ่งนุ่มกึ่งยืดหยุ่น และสามารถรองรับส่วนโค้งระหว่างส้นเท้ากับฝ่าเท้าได้ดี” (อ้างอิง: CBS News)

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 8: น้ำทะเลสามารถช่วยรักษาบาดแผลได้

 

ท่านเคยได้ยินถึงเรื่องการนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่เป็นบาดแผลลงไปแช่ในน้ำทะเลในขณะที่อยู่บนชายหาด เพื่อบาดแผลจะได้หายเร็วขึ้นหรือเปล่า? การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการขัดต่อความรู้สึกและสามารถนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ของสุขภาพด้วย “น้ำทะเลนั้น มันเต็มไปด้วยแบคทีเรียซึ่งสามารถเข้ามาสู่ร่างกายจากบาดแผลที่เปิดอยู่และก่อให้เกิดอาการเจ็บแสบหรือแม้กระทั่งก่อให้เกิดการอักเสบได้ ไม่เพียงแต่น้ำทะเลเท่านั้นที่ไม่ได้ช่วยรักษาบาดแผลอะไรได้เลย มันยังไม่สามารถที่จะช่วยทำความสะอาดบาดแผลได้อย่างหมดจดถูกต้องเสียด้วย” (อ้างอิง: CITE SOURCE) ในขณะที่การบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออาจจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดหรือคอหอยบวมด้วยการกระตุ้นให้เซลล์ในปากของท่านให้ปล่อยน้ำลายออกมา ตัวเกลือเองไม่ได้เทำหน้าที่เป็นตัวต้านแบคทีเรียเลย ตามที่กล่าวไว้ใน นิตยสารทันตแพทย์ของประเทศอังกฤษ (The British Dental Journal -2004)

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 9: การใช้น้ำปัสสาวะ (ฉี่) รดลงบนผิวหนังที่ถูกแมงกระพรุนต่อยสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้

 

ถ้าท่านเคยทำแบบนี้ในอดีต เราขอแสดงความเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า มันเป็นเพียงแต่เรื่องเล่าปรัมปราเท่านั้นเอง “มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยทั้งสิ้นและในบางกรณี สามารถทำให้อาการแย่ลงด้วยการทำให้สารพิษที่ยังตกค้างอยู่ใต้ผิวหนังนั้น ปล่อยเซลล์สารพิษออกมาอีก ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ น้ำปัสสาวะก็เหมือนกันกับน้ำจืดธรรมดาและน้ำจืดจะมีปฎิกิริยาทางเคมีกับเหล็กในที่ฝังอยู่ มันมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะเพิ่มความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นด้วย ” (อ้างอิง: CITE SOURCE) การแก้ไขปัญหาด้วยการเช็ดบริเวณที่ถูกต่อยด้วยน้ำส้มสายชูธรรมดานั้น เป็นการปฐมพยาบาลที่มีผลดีอย่างมากกว่าใช้อย่างอื่น

 

--

 

ความเชื่ออย่างปรัมปราเรื่องที่ 10: การกระโดดลงไปเล่นน้ำในสระเป็นเสมือนการอาบน้ำ ที่สามารถทำทั้งสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน

 

นอกไปเสียจากว่าท่านไม่สนใจเกี่ยวกับความคิดของเรื่องท้องเสีย, การติดเชื้อโรค หรือ ติดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการคันตามทั่วร่างกายของท่านหลังจากนั้น ตัวท่านเองควรจะทำความสะอาดล้างร่างกายด้วยสบู่หลังจากที่กระโดดเล่นน้ำในสระแล้ว เพราะบุคคลโดยเฉลี่ย จะไม่อาบน้ำหรือชำระล้างร่างกายก่อนที่จะเข้าไปเล่นน้ำในสระ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของตนเอง, ผงหรือครีมที่มาจากการแต่งหน้า รวมไปถึงเหงื่อไคลที่ผสมกับสารคลอรีน มันไปทำลายสารเคมีต่างๆ ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในสระน้ำ (อ้างอิง: ABC News)

 

ติดตาม อัพเดตข่าวสาร BT+RG คลิ้กที่นี่

สมาชิกที่เข้าชมล่าสุด

มาดูโลกหุ่นกันเถอะ ได้ทั้งขำ และความรู้  

 

แสดงความคิดเห็น



แสดงความคิดเห็นเหรอ
ลงชื่อเข้าใช้หน่อยจ้า ด้วย Facebook ก็ได้ ง่ายๆเอง





Home